ไพ่แบล็คแจ็ค

ไพ่แบล็คแจ็ค ขึ้นชื่อในเรื่องของควาสนุกสนาน ได้รับการตอบรับที่ดี จากบรดาเหล่านักพนันทั่วโลก ซึ่งจะได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ในแถบประเทศฝั่งยุโรป เนื่องจากว่าเป็นเกมไพ่ ที่ใช้คนร่วมเล่นด้วยกันเยอะ ซึ่งตัวเกมไพ่แบล็คแจ็คก่อกำเนิดขึ้นมา ตั้งแต่สมัยปี คศ.1601 ซึ่งตอนนี้ก็ปี 2020 เข้าไปแล้ว บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า กระแสนิยมที่มีต่อ ไพ่แบล็คแจ็ค นั้นดีและต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน

ซึ่งวิธีการเล่นนั้นก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร เพียงแค่จะดูว่าไพ่ในมือของใคร ที่แต้มจะใกล้ 21 มากกว่ากัน ซึ่งแต้มหน้าไพ่ก็จะเป็นตัวที่บอกค่าของมันอยู่แล้ว เราจะบอกกันในขั้นตอนต่อไปอีกที จากที่เราต้องเล่นไพ่แบล็คแจ็ค ตามบ่อนทั่วๆไปนั้น ก็ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น จนถึงทุกวันนี้วันที่มีการพัฒนา ขึ้นมาให้เราเล่นอยู่บนโลกออนไลน์ ด้วยการเข้าใช้งานที่สะดวกสบาย ทำให้เกมๆนี้ได้รับความนิยมเพิ่มมากยิ่งขึ้น

กฏกติกาการเล่น ไพ่แบล็คแจ็ค

กติการในการเล่นไพ่แบล็คแจ็ค ไม่ได้มีอะไรที่ซับซ้อน โดยจะเริ่มจากการที่ดีลเลอร์ จะแจกไพ่ให้กับผู้เล่นคนละ 2 ใบ ซึ่งแต่ละคนสามารถที่จะทำการ จั่วได้ไม่จำกัด จนกว่าว่าแต้มจะใกล้ 21 มากที่สุด แต่ไม่เกิน 21 แต้ม การเล่นไพ่แบล็คแจ็ค จะเป็นการที่เราวัดแต้มกันกับเจ้ามือ ซึ่งแต้มหน้าไพ่ของผู้เล่นคนอื่น จะไม่มีผลกับการได้เสียของเรา

เรามาดูกันดีกกว่าว่า แต้มหน้าไพ่แต่ละตัวนั้น จะมีการนับแต้มอย่างไร สังเกตง่ายๆเลย สำหรับไพ่ที่มีแต้มโชว์บนหน้าอย่าง 2-10 แต้มจะนับตามนั้นเลย ส่วนไพ่ที่มีหน้าเป็นตัวอักษร J Q K แต้มที่นับกันจะเท่ากับ 10 แต้ม โดยที่ไพ่หน้า A จะมีค่าเท่ากับ 1 หรือ 11 ขึ้นอยู่กับแต้มรวมที่ท่านถือในมือ

การประกัน สำหรับไพ่แบล็คแจ็คแล้ว ในส่วนของการประกันนั้น จะเกิดขึ้นเมื่อดีลเลอร์ทำการหงายไพ่ใบแรก ที่มีหน้าไพ่เป็น A เท่านั้น ระบบการประกันจะสามารถใช้งานได้ทันที เป็นการประกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับท่าน หากว่าดีลเลอร์หรือเจ้ามือนั้นได้ 21 แต้ม เงินรางวัลที่เราจะได้รับ จะเท่ากับครึ่งนึง ของเงินที่เราได้วางเดิมพันไป แต่ถ้าหากว่าเปิดไพ่มาแล้ว แต้มของเจ้ามือไม่ถึง 21 แต้ม เกมก็จะดำเนินไปปกติ

เพิ่มเงินเดิมพัน 2 เท่า

การเพิ่มเงินเดิมพัน สามารถที่จะทำได้ ในกรณีที่ทางดีลเลอร์หรือเจ้ามือนั้น เปิดไพ่ครบ 2 ใบแรกแล้ว แต้มรวมกันไม่ได้ 21 แต้ม เราสามารถเรียกเงินเดิมพันเพิ่มเป็น 2 เท่าได้ หลังจากที่เราเพิ่มเงินเดิมพันเป็น 2 เท่าแล้ว ทางเจ้ามือจะแจกไพ่เพิ่มให้เรา 1 ใบ ซึ่งจังหว่ะนี้เราจะสามารถตัดสินใจได้ว่า จะจั่วไพ่เพิ่ม หรือหยุดเพียงแค่ใบนี้ ถ้าหากเราหยุดจะไม่สามารถจั่วได้อีกนั่นเอง

การแยกไพ่

การแยกไพ่เสมือนว่าเราแยกเล่น 2 ขา ในกรณีที่ไพ่ในมือเรา 2 ใบแรกนั้นมีค่าเท่ากันอย่าง 2,2 3,3 หรือ j,j เราสามารถแยกไพ่ออกเป็นสองมือได้ โดยที่เงินเดิมพันจะต้องวางเพิ่ม อย่างตอนแรกเราวางเดิมพันไปที่ 100 บาท เมื่อเราแยกไพ่ออก เราจะต้องวางเดิมพันเพิ่มอีก 100 บาทในฝั่งขาที่เราแยกนั่นเอง ซึ่งเกมก็ดำเนินไปต่อ โดยที่เราสามารถจั่วไพ่ได้ตามปกตินั่นเอง

วิเคราะห์ผลการเดิมพัน

การเล่นไพ่แบล็คแจ็ค UFABET นั้น จะมีจุดสังเกตอยู่อย่างเดียวเลย หากว่าเราต้องการที่จะชนะ นั่นคือจะจั่วไพ่อย่างไรก็ได้ ให้แต้มของเราเข้าใกล้ 21 แต้มมากที่สุด แต่เมื่อใดที่เราจั่วจนแต้มของเราเกิน 21 แต้มขึ้นไป ต่อให้จะเป็น 22 แต้มก็ตาม เราจะแพ้ทันที เจ้ามือจะไม่ทำการเปิดไพ่ จนกว่าเราจะจั่วจนได้แต้มที่พอใจ เมื่อเราได้แต้มที่พอใจแล้ว เจ้ามือจะทำการเปิดไพ่

หากแต้มหน้าไพ่ของเจ้ามือ มีแต้มตั้งแต่ 17 แต้มขึ้นไป ทางเจ้ามือจะไม่สามารถที่จะจั่วเพิ่มได้ เกณฑ์ที่จะเป็นตัวกำหนดว่าเราจะชนะหรือไม่นั้น จะอยู่ที่ว่าแต้มในมือของเรานั้น มีมากกว่าเจ้ามือหรือไม่ หรือแต้มในมือเราเท่ากับ 21 หรือป่าว หากว่าแต้มหน้าไพ่ของเรา เท่ากับแต้มของเจ้ามือ เราจะได้เงินเดิมพันคืนเต็มจำนวน

รูปแบบของการวางเดิมพัน ไพ่แบล็คแจ็ค

การเล่นไพ่แบล็คแจ็คนั้น ไม่เพียงแค่กำหนดว่าแต้มจะต้องเท่ากับ 21 เท่านั้น ยังมีรูปแบบในการเดิมพันอีกหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเดิมพันแบบ 21+3 การเดิมพันแบบ Perfect หรือแม้แต่การเดิมพันแบบ Bet Behind ซึ่งการเดิมพันแต่ละรูปแบบนั้น เราจะมาแยกอธิบายเป็นข้อๆ เพื่อให้ง่ายต่อการศึกษาละกันนะครับ

วางเดิมพันแบบ Perfect

การวางเดิมพันในรูปแบบนี้ จะลุ้นผลแพ้ชนะได้ที่ไพ่เพียง 2 ใบแรกเท่านั้น โดยที่ไพ่ที่ท่านเปิดนั้น จะต้องมีหน้าที่เหมือนกันอย่างเช่น 2-2 , 5-5 , 9-9 , K-K เป็นต้น โดยที่ราคาในการจ่ายนั้นจะแตกต่างกันออกไป อย่างเช่น

  • คู่เหมือน หากว่ามีไพ่ในมือ 2 ใบ เป็น A โพธิ์แดงทั้ง 2 ใบ ราคาที่ทางเว็บจ่ายจะอยู่ที่ 25:1 (ตามเงื่อนไขของเว็บ)
  • คู่สี ในกรณีที่ไพ่ในมือเราทั้ง 2 ใบมีสีที่เหมือนกัน อย่างเช่น 4 โพธิ์แดง และ 4 ข้าวหลามตัด ราคาที่จ่ายกันจะอยู่ที่ 12:1 (ตามเงื่อนไขของเว็บ)
  • คู่ผสม รูปแบบนี้จะเจอกันบ่อยที่สุด ดังนั้นจึงจะมีอัตราการจ่ายที่น้อยที่สุด คือจ่ายอยู่ที่ 6:1 คู่ผสมจะหมายถึงว่า ไพ่ที่เราถืออยู่มี 10 โพธิ์ดำ และ 10 โพธิ์แดงนั่นเอง

วางเดิมพันแบบ 21+3

การวางเดิมพันในรูปแบบ 21+3 นี้ ไพ่ในมือของท่านจะต้องมีโอกาส ที่จะเกิดสิ่งดังต่อไปนี้ คือ ไพ่ตองเหมือน สเตรท ฟลัช ซึ่งแต่ละรูปแบบก็จะมีการจ่ายที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งบอกได้เลยว่าราคาที่จ่าย นั้นเยอะมากๆเลยทีเดียว รูปแบบที่ได้บอกไปก่อนหน้านี้นี่เป็นเด็กไปเลย

  • ไพ่ตองเหมือน ไพ่ตองเหมือนคืออะไร ก็คือการที่เราได้ไพ่ตอง ที่มีดอกเดียวกันทั้ง 3 ใบนั่นเอง ซึ่งราคาที่จ่ายนั้นจะสูงถึง 100:1 กันเลย
  • ไพ่สเตรท ฟลัช คือไพ่เรียงที่มีดอกเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น 10 J Q โพธิ์ดำ ซึ่งราคาที่จ่ายกันจะอยู่ที่ 40:1
  • ไพ่ตอง รูปแบบของการออกไพ่ตอง จะแตกต่างไปจาก ไพ่ตองเหมือน ตรงที่จะดูกันแค่เพียงตัวเลขเท่านั้น อย่างเช่น 2 2 2 ถึงแม้จะมีดอกและสีที่ต่างกันก็ตาม ราคาที่จ่ายจะอยู่ที่ 30:1
  • ไพ่สเตรท คือไพ่เรียกที่อาจจะมีสีและดอกที่ต่างกัน อย่างเช่น 2 ข้าวหลามตัด 3 โพธิ์แดง 4 โพธิ์ดำ ราคาที่จ่ายจะอยู่ที่ 10:1 ซึ่งราคาต่างๆที่ว่ามาานี้ จะขึ้นอยู่กับตัวเว็บไซต์เป็นตัวกำหนด อาจจะมีเปลี่ยนแปลงได้บ้าง